มือชา นิ้วชา เสี่ยงโรคอะไร

0
17
มือชา นิ้วชา เสี่ยงโรคอะไร

“มือชา” และ “นิ้วชา” คืออาการที่เกิดจากการหดตัวของเส้นเลือดที่มีขนาดเล็ก (เส้นเลือดฝอย) ทำให้การไหลเวียนของเลือดลดลง หรือหยุดชั่วคราว จนทำให้มือหรือนิ้วมีอาการชาหรือตายเย็น โดยเฉพาะในสภาวะที่อากาศหนาว หรือในสถานการณ์ที่เกิดความเครียด

  • โรคคาร์พัล ทันเนล ซินโดรม (Carpal tunnel syndrome) เกิดจากการกดทับเส้นประสาทมีเดียนบริเวณข้อมือ ทำให้มีอาการชา อ่อนแรง และเสียการรับรู้บริเวณฝ่ามือและนิ้วโป้ง
  • โรคเบาหวาน ภาวะน้ำตาลในเลือดสูงเป็นระยะเวลานานอาจทำให้เส้นประสาทเสียหาย ซึ่งอาจทำให้เกิดอาการชา อ่อนแรง และเสียการรับรู้บริเวณปลายมือและเท้า
  • โรคเกาต์ โรคข้ออักเสบที่เกิดจากการสะสมของกรดยูริกในร่างกาย ส่งผลให้เกิดการอักเสบของข้อ และอาจทำให้มีอาการชา ปวด และบวมบริเวณมือและนิ้วมือ
  • โรคปลอกประสาทอักเสบเฉียบพลัน (Guillain-Barré syndrome) เป็นโรคที่ระบบภูมิคุ้มกันทำลายเซลล์ประสาท ทำให้มีอาการชา อ่อนแรง และอาจถึงขั้นอัมพาต
  • โรคเส้นเลือดสมองตีบหรืออุดตัน ภาวะที่เลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ อาจทำให้เกิดอาการชาครึ่งซีก หรือชาบริเวณใบหน้า แขนและขา
  • โรคเรนอด (Raynaud’s disease): เป็นโรคที่ทำให้เกิดอาการชา ตายเย็น และเปลี่ยนสีของนิ้วมือ นิ้วเท้า เมื่อต้องเผชิญกับสภาวะที่เย็นชื้น หรือเครียด
  • โรคอัตเซ็น รูปภาพ (Systemic lupus erythematosus, SLE): เป็นโรคภูมิแพ้ที่ทำลายเนื้อเยื่อของตนเอง
  • โรคที่เกี่ยวกับการอักเสบของเส้นเลือด ซึ่งเกิดการอักเสบของเส้นเลือด
  • โรคที่ก่อให้เกิดการข้ออักเสบ เช่น โรคข้อเข่าเสื่อม
  • โรคข้อต่อเนื้อเยื่อเส้นเลือด (Connective tissue diseases): เช่น โรคติดตามเนื้อเยื่อเข้ารุ่น (scleroderma)
  • การใช้ยาบางประเภท: เช่น ยาควบคุมการเต้นของหัวใจ, ยาควบคุมความดันโลหิต, ยาปฏิชีวนะ, ยาควบคุมฮอร์โมน, ยาต้านมะเร็ง
  • โรคอื่น ๆ ที่อาจทำให้เกิดอาการมือชา หรือ นิ้วชา เช่น โรคลำไส้ใหญ่อักเสบ, โรคประสาทอักเสบเฉียบพลัน, โรคไขมันในเลือดสูง, โรคเบาหวาน

หากมีอาการมือชา นิ้วชา ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและรับการรักษาอย่างเหมาะสม

นอกจากโรคต่างๆ ที่กล่าวมาแล้ว อาการมือชา นิ้วชา ยังอาจเกิดจากสาเหตุอื่นๆ ที่ไม่รุนแรง เช่น การนอนทับมือ การบาดเจ็บบริเวณมือ หรือการใช้มือในท่าเดิมเป็นเวลานาน เป็นต้น

วิธีป้องกันอาการมือชา นิ้วชา ได้แก่

  • หลีกเลี่ยงการนอนทับมือ
  • หลีกเลี่ยงการใช้มือในท่าเดิมเป็นเวลานาน
  • ออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อบริเวณมือและข้อมือ
  • ควบคุมโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน โรคเกาต์
  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์และครบถ้วน
  • พักผ่อนให้เพียงพอ

หากมีอาการมือชา นิ้วชา ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุและรับการรักษาอย่างเหมาะสม