ระหว่างมีประจำเดือน ผู้หญิงบางคนอาจมีอาการไม่สบายบางอย่าง เช่น ปวดท้องหรืออาการบวมน้ำ ซึ่งอาหารบางชนิดอาจทำให้อาการเหล่านี้แย่ลงได้ นี่คือรายการอาหารที่ควรหลีกเลี่ยงหรือลดปริมาณการบริโภคในช่วงนั้น:
- อาหารที่มีคาเฟอีน: อาหารหรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เช่น กาแฟ ชา และโคล่า อาจทำให้ปวดท้องและตึงเครียดได้มากขึ้น
- อาหารทอดและไขมันสูง: อาหารทอดหรืออาหารที่มีไขมันสูงอาจทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานหนักและทำให้เกิดอาการอืด ท้องอึดท้องเฟ้อ
- อาหารหวานหรือน้ำตาลสูง: น้ำตาลสามารถกระตุ้นให้เกิดการอักเสบ และอาจทำให้อาการปวดหรือบวมน้ำในระหว่างมีประจำเดือนแย่ลง
- เกลือสูงหรืออาหารแปรรูป: อาหารที่มีเกลือสูงหรืออาหารแปรรูปอาจทำให้ร่างกายเก็บน้ำและทำให้บวมน้ำได้
- แอลกอฮอล์: การดื่มแอลกอฮอล์อาจทำให้เกิดการระคายเคืองและเพิ่มปริมาณการไหลของเลือดประจำเดือน
- อาหารรสจัด เผ็ด เค็ม: อาจทำให้ปวดท้องหรือท้องเสียได้ รวมถึงทำให้รู้สึกหงุดหงิดหรือไม่สบายตัว
- อาหารหมักดอง: อาจทำให้ท้องอืด เนื่องจากมีแก๊สและกรดในกระเพาะมากขึ้น เช่น กิมจิ ผักกาดดอง
- ผลิตภัณฑ์จากนม: อาจทำให้ปวดท้องหรือท้องเสีย โดยเฉพาะในคนที่แพ้แลคโตส
- ขนมหวานและน้ำตาล: อาจทำให้น้ำหนักเพิ่มและระดับน้ำตาลในเลือดผันผวน ส่งผลให้อารมณ์แปรปรวนได้
- อาหารที่มีกลิ่นฉุน: อาจทำให้รู้สึกคลื่นไส้หรืออาหารไม่ย่อย เช่น กะหล่ำปลี หอมหัวใหญ่ กระเทียม
นอกจากนี้ ควรดื่มน้ำเปล่าให้เพียงพอ พักผ่อนให้เพียงพอ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ จะช่วยบรรเทาอาการ PMS และทำให้สุขภาพดีขึ้น
การจำกัดหรือหลีกเลี่ยงอาหารเหล่านี้ระหว่างมีประจำเดือนอาจช่วยบรรเทาอาการไม่สบายและทำให้รู้สึกดีขึ้นได้. แนะนำให้รับประทานอาหารที่สมดุลและมีประโยชน์ รวมถึงดื่มน้ำมากๆ และพักผ่อนให้เพียงพอเพื่อสุขภาพที่ดีในช่วงนั้น.