Simple Diseases คืออะไร? ทำความเข้าใจพร้อมเคล็ดลับการดูแลสุขภาพแบบง่าย ๆ ให้ห่างไกลอาการเจ็บป่วยเล็ก ๆ น้อย ๆ
เมื่อเราพูดถึงปัญหาด้านสุขภาพ หลายคนอาจจะนึกถึงโรคร้ายแรงหรือภาวะแทรกซ้อนที่ซับซ้อน แต่นอกจากโรคที่ต้องการการรักษาอย่างจริงจังแล้ว ยังมีอาการเจ็บป่วยเบื้องต้นหรืออาการเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่พบได้บ่อยในชีวิตประจำวัน ซึ่งบางทีเราก็เรียกอาการเช่นนี้ว่า “โรคพื้นฐาน” หรือในแง่คำศัพท์ภาษาอังกฤษหลายคนอาจเรียกว่า “Simple Diseases” บทความนี้จะพาคุณมาทำความเข้าใจว่า Simple Diseases คืออะไร รวมถึงวิธีการดูแลร่างกายของเราอย่างง่าย ๆ เพื่อป้องกันไม่ให้โรคเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้กลายเป็นปัญหาเรื้อรังหรือก่อให้เกิดผลกระทบในระยะยาว
1. Simple Diseases คืออะไร?
“Simple Diseases คืออะไร” เป็นคำถามที่อาจจะไม่คุ้นหูคนทั่วไปมากนัก แต่หากพิจารณาตามความหมายเชิงกว้าง Simple Diseases ก็คือกลุ่มอาการหรือโรคที่สามารถพบได้ในชีวิตประจำวัน มีลักษณะไม่รุนแรง ไม่ได้ต้องการการรักษาที่ซับซ้อนจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในทันที และมักสามารถเยียวยาเบื้องต้นได้เองที่บ้าน หรือในบางกรณีก็อาศัยการดูแลและปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเล็กน้อย เช่น การพักผ่อนให้เพียงพอ การรับประทานอาหารที่เหมาะสม หรือการทานยาสามัญทั่วไป
ตัวอย่างอาการที่ถือว่าอยู่ในขอบเขตของ Simple Diseases ได้แก่
- ไข้หวัดหรือไข้หวัดใหญ่ระยะแรก: ไอเล็กน้อย จาม หรือมีน้ำมูก ซึ่งอาจดีขึ้นได้เองเมื่อได้รับการพักผ่อนหรือทานยาลดไข้
- ปวดท้องหรือท้องเสียเล็กน้อย: มักเกิดจากการรับประทานอาหารที่ไม่ถูกสุขอนามัย หรือมีอาหารเป็นพิษในระดับไม่รุนแรง
- ปวดหัว เครียด หรือไมเกรนระดับเบื้องต้น: อาจเกิดจากการพักผ่อนน้อยเกินไป หรือความเครียดสะสม
- อาการภูมิแพ้เบื้องต้น: เช่น คัดจมูก จาม หรือผื่นขึ้นเล็กน้อย
อาการเหล่านี้ดูเหมือนจะเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่บางครั้งหากเราละเลยการดูแลที่ถูกต้อง และไม่ได้เข้าใจต้นเหตุที่แท้จริง อาการ “เล็ก ๆ น้อย ๆ” เหล่านี้อาจลุกลามกลายเป็นปัญหาสุขภาพที่ใหญ่ขึ้นได้
2. ทำไม Simple Diseases ถึงต้องได้รับความสนใจ
แม้ชื่อจะเรียบง่าย ไม่ได้ฟังดูรุนแรงเหมือนโรคที่ต้องรักษาในโรงพยาบาล แต่อย่ามองข้ามความสำคัญของการดูแลโรคที่ดูเหมือนจะ “เล็กน้อย” เหล่านี้เลย เพราะ:
- ก่อให้เกิดความรำคาญในชีวิตประจำวัน
ไม่ว่าจะเป็นอาการไอ คัดจมูก คันตา หรือปวดหัวเล็กน้อย เรื่องเหล่านี้ล้วนส่งผลต่อการทำงาน การเรียน และการใช้ชีวิตประจำวันของเรา ถ้าปล่อยทิ้งไว้นานอาจกระทบทั้งประสิทธิภาพการทำงานและสภาพจิตใจ - อาจลุกลามเป็นโรคแทรกซ้อน
อาการที่ดูเหมือนจะไม่น่ากังวล เช่น ไข้หวัดเบื้องต้น หากรักษาไม่ถูกต้องหรือได้รับการพักผ่อนไม่เพียงพอ ก็อาจพัฒนาเป็นไข้หวัดใหญ่รุนแรง หรืออาการปอดอักเสบ ซึ่งต้องใช้เวลาในการฟื้นตัวมากขึ้นและมีค่าใช้จ่ายในการรักษาสูงกว่าเดิม - ส่งผลต่อคนรอบข้าง
อาการบางประเภท เช่น ไข้หวัด หรืออาการติดเชื้อทางเดินหายใจ สามารถแพร่เชื้อได้ง่าย หากไม่รู้จักป้องกันตัวเองหรือใส่หน้ากากอนามัย ก็อาจกลายเป็นการกระจายเชื้อไปยังครอบครัว เพื่อนร่วมงาน หรือบุคคลอื่นในสังคมได้
ดังนั้น ถึงแม้จะเรียกว่า Simple Diseases แต่ก็ไม่ควรละเลยหรือลดความสำคัญลง การรู้เท่าทัน สังเกตอาการ พร้อมปรับตัวเพื่อป้องกันและบรรเทาแต่เนิ่น ๆ จึงเป็นเรื่องจำเป็นอย่างยิ่ง
3. สาเหตุหลักของ Simple Diseases
จะเห็นว่าโรคเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้เกี่ยวข้องกับพฤติกรรมการใช้ชีวิตและปัจจัยบางประการเป็นส่วนใหญ่ เรามาลองดูกันว่า “Simple Diseases” มีสาเหตุหลัก ๆ จากอะไรบ้าง
- การพักผ่อนไม่เพียงพอ
การนอนหลับอย่างมีคุณภาพไม่ใช่แค่ช่วยให้ร่างกายได้พักเท่านั้น แต่ยังเป็นโอกาสให้ร่างกายได้ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ และฟื้นฟูระบบภูมิคุ้มกัน การนอนไม่พออาจทำให้คุณเสี่ยงต่ออาการไข้หวัดและปวดหัวได้ง่ายขึ้น - โภชนาการที่ไม่สมดุล
การรับประทานอาหารที่มีสารอาหารครบถ้วนจะช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน แต่ถ้าเรารับประทานอาหารที่มีไขมันสูง น้ำตาลมาก หรือสารพิษเจือปน ก็อาจทำให้ร่างกายอ่อนแอ เกิดการอักเสบ หรือภาวะขาดสารอาหารจนเกิดอาการป่วยเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้บ่อยขึ้น - ความเครียดสะสม
ความเครียดเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ร่างกายผลิตฮอร์โมนบางชนิดที่ส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกัน หากเราปล่อยให้เครียดเรื้อรัง นอกจากปวดหัวบ่อย ๆ แล้ว ยังอาจเพิ่มโอกาสเกิดโรคทางเดินอาหาร หรืออาการกล้ามเนื้อเกร็งตัวจนปวดต่าง ๆ - ขาดการออกกำลังกาย
การออกกำลังกายไม่เพียงช่วยควบคุมน้ำหนัก แต่ยังช่วยกระตุ้นระบบเผาผลาญ เพิ่มความแข็งแรงให้หัวใจและปอด ทำให้ระบบภูมิคุ้มกันทำงานดีขึ้น เมื่อร่างกายแข็งแรง โอกาสที่จะป่วยด้วยโรคเล็ก ๆ น้อย ๆ ก็ลดลง - สภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม
ทั้งฝุ่น ควัน มลภาวะ หรือสารก่อภูมิแพ้ต่าง ๆ หากเราอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่ดี ไม่มีการระบายอากาศเพียงพอ หรือไม่ใส่ใจเรื่องความสะอาด ก็เพิ่มความเสี่ยงต่อไข้หวัดและโรคภูมิแพ้อื่น ๆ ได้ง่ายมาก
4. แนวทางการป้องกัน Simple Diseases ให้ได้ผล
การป้องกันดีกว่าการรักษา คำกล่าวนี้ยังคงเป็นจริงเสมอ โดยเฉพาะกับโรคหรืออาการเบื้องต้นอย่าง Simple Diseases ที่บางครั้งถ้าเราใส่ใจรายละเอียดในชีวิตประจำวันเพียงเล็กน้อย อาการเหล่านี้ก็อาจไม่เกิดขึ้นเลยหรือเกิดขึ้นก็ไม่รุนแรง ลองมาดูเคล็ดลับดี ๆ กัน
- นอนหลับอย่างมีคุณภาพ
- เข้านอนให้ตรงเวลา: การฝึกตัวเองให้เข้านอนและตื่นนอนเวลาเดียวกันทุกวันจะช่วยปรับวงจรการนอน
- เลี่ยงการใช้หน้าจอ: ก่อนนอนสัก 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมง ควรลดการใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เพราะแสงสีฟ้าจากหน้าจอทำให้สมองเข้าใจผิดว่าเรายังไม่ควรพักผ่อน
- สร้างบรรยากาศที่เงียบสงบ: ปิดไฟให้มืดสนิท หรือเปิดไฟสลัว ๆ ผ่อนคลายด้วยกลิ่นหอมหรือเพลงเบา ๆ ก็ช่วยให้หลับได้ง่ายขึ้น
- โภชนาการครบถ้วน
- ทานผักและผลไม้หลากสี: ไม่ใช่แค่เรื่องความสวยงาม แต่ผักและผลไม้หลากสีจะมีวิตามินและสารต้านอนุมูลอิสระที่ต่างกันไป
- ดื่มน้ำให้พอ: น้ำมีส่วนช่วยในการขับของเสีย ปรับอุณหภูมิร่างกาย และทำให้ระบบไหลเวียนโลหิตทำงานได้ดี
- เลือกแหล่งโปรตีนคุณภาพ: เช่น เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ปลา เต้าหู้ หรือถั่วต่าง ๆ เพื่อซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย
- หลีกเลี่ยงอาหารขยะและน้ำตาลสูง: เพราะเป็นตัวกระตุ้นให้ร่างกายเกิดภาวะอักเสบ และทำให้ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
- เลือกวิธีที่เหมาะสมกับเรา: ไม่จำเป็นต้องหักโหมหรือออกกำลังกายหนักเกินไป ควรเริ่มจากเดินเร็ว วิ่งเบา ๆ โยคะ ว่ายน้ำ หรือกิจกรรมที่รู้สึกว่าทำได้ต่อเนื่อง
- จัดตารางเวลา: หากยุ่งมากจริง ๆ ก็พยายามแบ่งเวลาออกกำลังกายสั้น ๆ วันละ 10-15 นาทีก่อน แล้วค่อยเพิ่มเวลาตามความเหมาะสม
- ผสมผสานกิจกรรมเข้ากับชีวิตประจำวัน: เดินขึ้นบันไดแทนใช้ลิฟต์ ปั่นจักรยานไปทำงาน หรือเดินเล่นหลังอาหารเย็นเล็กน้อย
- จัดการความเครียด
- หายใจลึก ๆ: วิธีนี้ดูเรียบง่ายแต่มีประสิทธิภาพ เมื่อเริ่มรู้สึกเครียด ให้หยุดสักครู่ หลับตาและหายใจเข้าลึก ๆ ช้า ๆ ช่วยให้ระบบประสาทผ่อนคลาย
- ทำสมาธิหรือนั่งสงบ: หลายคนใช้เวลาช่วงเช้าหรือก่อนนอนในการทำสมาธิหรือฝึกสติ ช่วยให้จิตใจสงบและมีสมาธิกับชีวิตประจำวันมากขึ้น
- ใช้เวลาไปกับงานอดิเรก: การได้ทำในสิ่งที่ชอบนับเป็นการบำบัดตัวเองอย่างหนึ่ง ไม่ว่าจะอ่านหนังสือ ฟังเพลง เล่นเกม ปลูกต้นไม้ หรือเลี้ยงสัตว์
- ดูแลสภาพแวดล้อม
- ทำความสะอาดบ้านอย่างสม่ำเสมอ: เพื่อป้องกันฝุ่นและสารก่อภูมิแพ้ต่าง ๆ ที่อาจจะทำให้เราเจ็บป่วยง่ายขึ้น
- ระบายอากาศ: ถ้าเป็นไปได้ ควรเปิดหน้าต่างให้อากาศถ่ายเททุกวัน อย่างน้อยสัก 15-30 นาที
- พกอุปกรณ์ป้องกันมลภาวะ: หากต้องออกไปในที่มีฝุ่นควัน หรืออยู่ในเมืองใหญ่ ควรใช้หน้ากากอนามัยที่สามารถกรองฝุ่นละออง PM2.5
5. การดูแลตนเองเบื้องต้นเมื่อเกิด Simple Diseases
ไม่ว่าจะป้องกันอย่างไร บางครั้งเราอาจยังพลาดติดเชื้อหรือมีอาการเล็กน้อยอยู่ดี สิ่งสำคัญคือต้องรู้จักวิธีดูแลตนเองเบื้องต้น เมื่อรู้ตัวว่ามีอาการไม่สบายเล็กน้อย เพราะหากเราใส่ใจกับการดูแลตั้งแต่ระยะเริ่มต้น อาการอาจไม่รุนแรงและหายได้เร็วขึ้น
- พักผ่อนให้มากขึ้น
หากรู้สึกอ่อนเพลียหรือมีไข้เล็กน้อย ให้จัดสรรเวลาเพิ่มเติมสำหรับการพักผ่อน เช่น นอนกลางวันสักครึ่งชั่วโมง หรือหยุดงานสักวันเพื่อให้ร่างกายฟื้นตัวอย่างเต็มที่ - ดื่มน้ำอุ่นและทานอาหารอ่อน
ช่วยให้ระบบย่อยอาหารไม่ทำงานหนักเกินไป และน้ำอุ่นยังช่วยลดการระคายเคืองในลำคอ โดยเฉพาะถ้ามีอาการไอหรือเจ็บคอ - สังเกตอาการตัวเองอยู่เสมอ
- หากมีไข้ ลองวัดอุณหภูมิร่างกายทุก 4-6 ชั่วโมง
- ดูว่ามีน้ำมูกมากขึ้นหรือไม่ มีเสมหะสีผิดปกติหรือเปล่า
- หากอาการไม่ดีขึ้นหรือรุนแรงขึ้น ควรปรึกษาแพทย์
- ใช้ยาสามัญประจำบ้านอย่างถูกต้อง
- หากมีไข้ สามารถใช้ยาลดไข้พาราเซตามอลตามขนาดที่ระบุ
- หากมีอาการเจ็บคอ สามารถอมยาแก้เจ็บคอหรือใช้สเปรย์พ่นคอ
- ไม่ใช้ยาปฏิชีวนะหรือยาสเตียรอยด์โดยไม่จำเป็น เพราะอาจทำให้เกิดปัญหาเชื้อดื้อยาในระยะยาว
6. ตัวอย่าง Simple Diseases ที่พบบ่อย และวิธีดูแล
เพื่อให้เห็นภาพชัดเจนขึ้น เราจะยกตัวอย่างอาการหรือโรคที่อาจถือได้ว่าเป็น Simple Diseases ซึ่งพบได้บ่อยในชีวิตประจำวัน และวิธีดูแลเบื้องต้น
6.1 ไข้หวัดหรือไข้หวัดใหญ่ระยะแรก
- อาการ: คัดจมูก, น้ำมูกไหล, ไอเล็กน้อย, จาม, ปวดศีรษะเล็กน้อย
- ดูแลเบื้องต้น: พักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำอุ่น ทานอาหารย่อยง่าย ช่วยลดอาการระคายคอ อาจใช้ผ้าปิดปากเพื่อป้องกันแพร่เชื้อ และสังเกตอาการว่ามีไข้สูงไหม หากเกิน 2-3 วันแล้วไม่ทุเลา ควรพบแพทย์
6.2 ท้องเสียเล็กน้อย
- อาการ: ถ่ายเหลว, ปวดท้อง, อาจมีอาการคลื่นไส้ร่วม
- ดูแลเบื้องต้น: ดื่มน้ำเกลือแร่เพื่อป้องกันภาวะขาดน้ำ หลีกเลี่ยงการทานอาหารหนักหรือรสจัด พักผ่อนให้เพียงพอ ถ้าอาการไม่ดีขึ้นภายใน 24 ชั่วโมง หรือถ่ายเหลวบ่อยครั้ง ควรปรึกษาแพทย์
6.3 ปวดหัวหรือไมเกรนระดับเบื้องต้น
- อาการ: ปวดหัวข้างเดียวหรือปวดทั่วศีรษะ, ปวดแบบตุบ ๆ หรือหน่วง ๆ
- ดูแลเบื้องต้น: พยายามหาสาเหตุของไมเกรน เช่น ความเครียด การเปลี่ยนแปลงของอากาศ หรือการนอนพักผ่อนไม่เพียงพอ ควรหาจุดผ่อนคลาย เช่น การปิดไฟให้มืดสนิท ออกกำลังกายเบา ๆ หรือใช้ยาระงับปวดเพื่อบรรเทา แต่ควรอ่านคำแนะนำการใช้ยาก่อนเสมอ
6.4 อาการแพ้อากาศหรือภูมิแพ้เบื้องต้น
- อาการ: คัดจมูก, จาม, น้ำมูกใส, คันตา หรือมีผื่นคันเล็กน้อย
- ดูแลเบื้องต้น: หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นในสภาพแวดล้อม เช่น ฝุ่น ควัน ขนสัตว์ ทำความสะอาดห้องและเครื่องนอนบ่อย ๆ หากมีอาการคันตาหรือจมูกอักเสบ สามารถใช้ยาลดน้ำมูกหรือยาแก้แพ้ แต่ถ้าเป็นบ่อยและรุนแรง ควรปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนการรักษาระยะยาว
7. การปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตเพื่อห่างไกล Simple Diseases ในระยะยาว
การจะมีสุขภาพดีไม่ใช่แค่เรื่องของการจัดการกับอาการเจ็บป่วยเบื้องต้นเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องกับการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตของเราในภาพรวม ลองดูแนวทางเหล่านี้ ซึ่งอาจดู “ง่าย ๆ” แต่ถ้าทำได้สม่ำเสมอจะส่งผลดีอย่างมาก
- รักษาสมดุลการทำงานและการพักผ่อน
พยายามไม่ทำงานหักโหมจนไม่มีเวลาดูแลตัวเอง ชีวิตการทำงานที่สมดุลจะทำให้มีเวลาพักผ่อน พบปะเพื่อนฝูง และออกกำลังกายได้อย่างเหมาะสม - เลือกอาหารที่ “เหมาะกับตัวเอง”
ถึงแม้เราจะมีคำแนะนำทั่วไป แต่ก็ต้องเข้าใจว่าร่างกายแต่ละคนตอบสนองต่ออาหารไม่เหมือนกัน บางคนอาจแพ้แลคโตส บางคนอาจแพ้อาหารทะเล ควรฟังเสียงร่างกายของตัวเองเสมอ - สังเกตสุขภาพจิต
สุขภาพใจส่งผลโดยตรงต่อสุขภาพกาย หากคุณเครียดมากเกินไป อาจลองพูดคุยกับคนในครอบครัว เพื่อน หรือปรึกษานักจิตวิทยา ไม่ควรปล่อยให้เครียดกลายเป็นสาเหตุให้เจ็บป่วยทางกาย - ตรวจสุขภาพประจำปี
ถึงแม้เราจะเน้นว่าขอให้ห่างไกลจาก Simple Diseases แต่การตรวจสุขภาพประจำปีก็ช่วยให้เรารู้จักระดับความเสี่ยงของโรคต่าง ๆ และสามารถปรับตัวได้ทันการณ์ - ให้ความสำคัญกับการพักผ่อนและกิจกรรมผ่อนคลาย
ไม่ว่าจะเป็นท่องเที่ยวสั้น ๆ ในวันหยุดยาว การไปสปา หรือแค่การนวดกดจุด คลายเครียด กิจกรรมเหล่านี้ช่วยให้ร่างกายและจิตใจฟื้นฟูอย่างเป็นธรรมชาติ
8. หาก Simple Diseases ไม่ Simple อย่างที่คิด ควรทำอย่างไร?
ในบางกรณี ถึงแม้เราจะเข้าใจว่า Simple Diseases คืออะไร และพยายามดูแลตัวเองอย่างดีแล้ว แต่อาการอาจกลับมาเป็นซ้ำหรือมีแนวโน้มรุนแรงขึ้น เราควรตระหนักว่า:
- ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ: แม้อาการจะดูไม่รุนแรง แต่หากเป็นบ่อยจนรบกวนชีวิตประจำวัน หรือรักษาเองแล้วไม่หาย ควรไปพบแพทย์เพื่อประเมินสาเหตุอย่างละเอียด
- ตรวจสุขภาพเพิ่มเติม: อาจมีการตรวจเลือด ตรวจภูมิแพ้ หรือการสแกนอื่น ๆ เพื่อหาสาเหตุแท้จริงของอาการ
- ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมใหม่อีกครั้ง: อาจต้องวางแผนการรับประทานอาหารหรือรูปแบบการใช้ชีวิตใหม่อย่างจริงจัง เพื่อแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ
9. สรุปภาพรวม: Simple Diseases ไม่ควรมองข้าม
“Simple Diseases คืออะไร” หลายคนอาจจะเริ่มมองเห็นภาพและเข้าใจมากขึ้นว่า มันไม่ใช่โรคซับซ้อนอะไร แต่เป็นกลุ่มอาการหรือโรคที่เกิดได้ง่าย ๆ ในชีวิตประจำวัน อาจมีต้นเหตุมาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต การพักผ่อนไม่เพียงพอ ความเครียด หรือสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม แม้จะเป็นแค่อาการเล็กน้อย แต่หากไม่ระวังและขาดการดูแลที่เหมาะสม ก็อาจลุกลามกลายเป็นปัญหาสุขภาพที่เรื้อรังและรักษายากกว่าเดิม
วิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันหรือจัดการ Simple Diseases คือการใส่ใจดูแลสุขภาพของเราในทุกมิติ เริ่มจากการนอนหลับให้เพียงพอ เลือกทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ ทำงานและพักผ่อนให้สมดุล รวมถึงจัดการความเครียดในชีวิตประจำวัน หากพบความผิดปกติ ควรสังเกตอาการอย่างใกล้ชิดและรีบปรึกษาผู้เชี่ยวชาญเมื่อจำเป็น
สุดท้ายนี้ ไม่ว่าคุณจะเป็นคนที่แข็งแรงสมบูรณ์หรือรู้สึกว่าร่างกายไม่ค่อยพร้อมอยู่เสมอ การดูแลตัวเองด้วยการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต และเข้าใจในเรื่อง “Simple Diseases คืออะไร” จะช่วยให้คุณห่างไกลจากปัญหาสุขภาพเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้ได้มากขึ้น และยังเป็นการปูพื้นฐานสำหรับการมีสุขภาพที่ดีในระยะยาว หากลองทำตามขั้นตอนที่กล่าวมานี้อย่างสม่ำเสมอ คุณจะค้นพบว่าการดูแลสุขภาพไม่ได้ยากอย่างที่คิด และชีวิตจะกลายเป็นเรื่องสนุกสนานและมีพลังในการทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้อย่างเต็มที่
หมายเหตุ: บทความนี้จัดทำขึ้นเพื่อให้ข้อมูลและคำแนะนำเบื้องต้นเท่านั้น ไม่ได้แทนที่การวินิจฉัยจากแพทย์ หากมีอาการเจ็บป่วยใด ๆ ที่รุนแรงหรือไม่แน่ใจ ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อรับการรักษาอย่างถูกต้อง.
ด้วยความเข้าใจอย่างถ่องแท้ในเรื่อง Simple Diseases คืออะไร เราก็จะสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างมีคุณภาพ สร้างเกราะป้องกันให้ร่างกายจากอาการเจ็บป่วยที่แม้อาจดูเล็กน้อย แต่ก็สามารถทำให้ไม่สบายใจได้มากทีเดียว การเห็นคุณค่าในการดูแลสุขภาพด้วยวิธีง่าย ๆ ตั้งแต่เริ่มต้นจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ทุกคนไม่ควรมองข้าม เพราะสุขภาพกายและใจที่ดี เป็นพื้นฐานแห่งความสุขที่แท้จริงในชีวิตประจำวันของเราทุกคน.