หากถามหายาหม่องสมุนไพรที่ครองใจหมอนวดแผนไทย เชื่อว่า ‘ยาหม่องสมุนไพรวังพรม’ ติดอันดับ ท็อปในใจอย่างแน่นอน ซึ่งวันนี้เราจะพาทุกคนไปรู้ลึกถึงการตลาดแบบไทบ้านจากรุ่นแม่ แม่ติ๋ว–ประนอม วังพรม ผู้ให้กำเนิดและเจ้าของสูตรยาหม่องสมุนไพรวังพรม สู่รุ่นลูก แต้ว-วัชรีภรณ์ วังพรม ผู้อำนวยการฝ่ายการเงิน และลูกเขย เฟอร์-กณพ สุทธะพินทุ ผู้อำนวยการฝ่ายขายและการตลาด บริษัท สมุนไพรวังพรม จำกัด สานต่อความตั้งใจทำยาหม่องสมุนไพรไทยให้ทั่วโลกรู้จัก ที่ยังคงคอนเซ็ปต์ “ได้ใจ ไว้วางใจ เพราะความจริงใจ” จนกลายเป็นเอกลักษณ์ของสมุนไพรวังพรม ยาหม่องสมุนไพรที่อยู่คู่คนไทยมากว่า 30 ปี
1.เริ่มต้นที่ Muketing สู่การตลาดแบบทดลองใช้ (Sampling Marketing) โดยบังเอิญ
ยาหม่องสมุนไพรวังพรมมีจุดเริ่มต้นเมื่อ 30 ปีก่อน จากแม่ติ๋ว–นางประนอม และสามีนายเฉลิม วังพรม
ที่ทำอาชีพรับจ้างทั่วไป เก็บสมุนไพรขายอยู่บริเวณวัดไร่ขิง โดยแม่ติ๋ว ประกอบอาชีพแคดดี้ประจำสนามกอล์ฟสามพราน เห็นว่าคนที่มาตีกอล์ฟส่วนใหญ่ใช้ยาหม่องนวดคลายกล้ามเนื้อจากวัดโพธิ์ จึงรับมาขายเพื่อเพิ่มรายได้ จากนั้นจึงไปลงเรียนทำยาหม่องเพราะอยากลดต้นทุน ผลิตสินค้าเอง ซึ่งเงินก้อนแรกจำนวน 30,000 บาท
กู้มาเพื่อทำยาหม่องปรากฏว่าทำไม่สำเร็จต้องทิ้งทั้งหมด
แม่ติ๋วไม่ละความพยายาม รวบรวมเงินทุนใหม่บวกกับกู้เงินนอกระบบรวม 100,000 บาท มาลงทุน
ซื้อสมุนไพรเพื่อผลิตยาหม่องอีกครั้ง โดยได้นำหัวไพลสดที่มีสรรพคุณ บรรเทาอาการปวดเมื่อยตามร่างกาย มาทำเป็นยาหม่องสีเหลืองสูตรไพลตัวแรกของเมืองไทย ใช้นามสกุลของตระกูลเป็นชื่อแบรนด์ และใช้ภาพนายเฉลิม พ่อค้าขายลอตเตอรี่หน้าวัดไร่ขิง ซึ่งผู้เป็นที่รู้จักและคุ้นเคยของคนในชุมชนมาเป็นตราสัญลักษณ์ เผื่อใครที่ถามหายาหม่องที่มีหน้าผู้ชาย ก็รู้ทันทีว่าเป็นนายเฉลิม
ล็อตนี้แม่ติ๋วนำยาหม่องไปถวายเจ้าอาวาสวัดไร่ขิงเพื่อขอพรให้เป็นสิริมงคล ท่านให้เอาสินค้าไปขายหน้าวัด เผื่อว่าคนสัญจรไปมาจะซื้อเป็นของฝากติดไม้ติดมือ แต่ปรากฏว่าเมื่อนำไปขายช่วงแรกๆ กลับขายไม่ได้เลย!
เมื่อขายไม่ได้จึงตัดใจแจกเป็นของแถมให้กับลูกค้าที่มาซื้อสมุนไพร หลังจากผู้คนได้ทดลองใช้ก็ชอบ
ในผลิตภัณฑ์และบอกต่อ ทำให้ยาหม่องเป็นที่รู้จักเพิ่มมากขึ้น แม่ติ๋วเล่าว่าลูกค้าจากจังหวัดต่างๆ เริ่มกลับมาซื้อในเดือนที่ 6 โดยเริ่มมาถามหายาหม่องที่มีหน้าผู้ชายแปะบนฉลาก และซื้อกลับไปทีละมากๆ จากนั้นก็เริ่มมียี่ปั๊วจากจังหวัดต่างๆ มาซื้อเพื่อไปขายต่อ ทำให้แม่ติ๋วมั่นใจในสรรพคุณ ว่าสมุนไพรวังพรมสามารถขายได้จากการ
ได้ลองใช้งานจริง
2. Customer Centric เข้าใจความต้องการของลูกค้าคือหัวใจความสำเร็จของสมุนไพรวังพรม
เอกลักษณ์ของยาหม่องสมุนไพรวังพรม นอกจากฉลากรูปหน้าผู้ชาย ป้ายสีเขียวและเหลืองแล้ว ยังมีเรื่องของเนื้อสัมผัสยาหม่องที่นุ่มเหลว แต่เกาะตัว และสรรพคุณกลิ่นหอมชื่นใจ ให้ความเย็นไม่เบิร์นผิว เป็นยาหม่องขวัญใจหมอนวดไทย และ สัปเร่อ โดยคุณเฟอร์ เล่าว่า “Brand Ambassador และ Export Sales ของเราตัวจริงคือ พี่ๆ หมอนวดไทยที่ไปทำงานต่างประเทศ เพราะเขาเป็นคนพาสินค้าของเราไปให้ชาวต่างชาติรู้จัก และด้วยฝีมือการนวดแผนไทยที่เข้าถึงกล้ามเนื้อ ผ่อนคลาย ผนวกกับยาหม่องที่ช่วยคลายเส้น กลิ่นหอมสมชื่น ทำให้ลูกค้าชาวต่างชาติติดใจ รู้สึกดีกับผลิตภัณฑ์เมื่อนวดเสร็จก็จะขอซื้อผลิตภัณฑ์กลับไปใช้ต่อที่บ้าน กลายเป็นสินค้าที่ชาวต่างชาติตามหา
เราเคยมีลูกค้าจากประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ที่ติดต่อขอเป็น Dealer เพื่อนำไปขายในกลุ่มประเทศ ตะวันออกกลาง โดยเขาบอกว่าตามหาสินค้าของเรานานถึง 2 ปีกว่าจะเจอ เพราะกล่องของเรามีแต่ชื่อภาษาไทย และตอนนั้นระบบหลังบ้านที่ดูแลลูกค้าต่างชาติยังไม่เรียบร้อย ต่อเมื่อแบรนด์ค่อยๆ โตขึ้นเราจึงมีทีมดูแลลูกค้า
ที่ใช้ภาษาจีนในการสื่อสารโดยเฉพาะ และทีมที่ดูแลลูกค้าที่ใช้ภาษาอังกฤษโดยเฉพาะ ซึ่ง ณ ปัจจุบัน สัดส่วนการขายในตลาดเมืองไทยและต่างประเทศคิดเป็น 70:30 โดยตลาดต่างประเทศที่เราส่งออกแล้วได้แก่ จีน ลาว เมียนมาร์ ออสเตรเลีย รัสเซีย สหรัฐอเมริกา แอฟริกาใต้ ฝรั่งเศส และประเทศอื่นๆในแถบยุโรป และในปี 2567 เรามีแผนที่จะขยายสู่ตลาดประเทศ เกาหลีใต้ เวียดนาม และกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง”
คุณแต้ว เล่าถึงที่มาของชื่อ ‘ยาหม่องขวัญใจสัปเร่อ’ ว่า “ด้วยความที่คนต่างจังหวัดชอบในกลิ่นและสรรพคุณแก้เคล็ดขัดยอก แมลงสัตว์กัดต่อย ของยาหม่องสมุนไพรวังพรม จึงแพร่หลายอย่างมากโดยเฉพาะแถบภาคอิสาน เรียกว่าเราเป็นขวัญใจไทบ้าน (หัวเราะ) ซึ่งปู่ย่า ตายาย ที่เขาใช้พกติดตัวหลายคนเขาฝากฝังลูกหลานว่าถ้าวายชนม์ให้แจกยาหม่องนี้เป็นของชำร่วย ซึ่งตลาดกลุ่มนี้มีติดต่อเข้ามาตลอด เรียกว่าเป็นกลุ่มเฉพาะที่โต
ถึง 20% และเราก็ให้ราคาพิเศษเพื่อร่วมทำบุญ โดยเรามีบริการใส่ถุง แปะชื่อผู้วายชนม์และจัดส่งให้ถึงที่วัด เพราะเราเข้าใจความสูญเสียของครอบครัว จึงอยากให้บริการที่ช่วยแบ่งเบาภาระให้ลูกค้าอย่างครบวงจร”
3. ยาหม่องสมุนไพรวังพรม ‘ความจริงใจจากรุ่นสู่รุ่น’ พร้อมการสื่อสารแบรนด์ผ่านแพคเกจจิ้งใหม่
ยาหม่องสมุนไพรวังพรมสูตรไพล และสูตรเสลดพังพอน ไม่เคยเปลี่ยนสูตรเลยตลอดระยะเวลา 30 ปี
แต่มีการเปลี่ยนฉลากและแพคเกจจิ้ง 3 ครั้ง
1.รุ่นแรก ผลิตในปี 2536 – 2556 มีทั้งสิ้น 4 สูตร คือ สูตรเสลดพังพอน สูตรไพล สูตรสมุนไพร และสูตรพิมเสน วางขายผ่านยี่ปั๊วและร้านขายยา โดยแม่ติ๋วหัวเรือใหญ่เป็นหัวหน้าเซลส์ออกลุยตลาดในประเทศด้วยตนเอง พร้อมใช้กลยุทธ์ CRM ส่งของดีของอร่อยประจำจังหวัดนครปฐม อาทิ ส้มโอ ข้าวหลาม ขนมตาลไปให้ลูกค้าทั่วประเทศ เพราะอยากสร้างการจดจำ ความประทับใจ รวมถึงสร้างความแตกต่างจากสินค้าอื่น
จนกลายเป็นสายสัมพันธ์ระหว่างแบรนด์กับลูกค้าที่มากกว่าการซื้อมาขายไป
2.รุ่นที่ 2 ผลิตในปี 2557 – 2565 มีทั้งสิ้น 8 สูตร คือ สูตรเสลดพังพอน สูตรไพล สูตรสีฟ้า สูตรเถาเอ็นอ่อน สูตรตะไคร้หอม สูตรพิมเสน สูตรสมุนไพร และสูตรสีขาว คุณแต้วเล่าว่า “การเปลี่ยนแพคเกจจิ้งรุ่นที่ 2 นี้เป็นบทเรียนให้ตระหนักว่า ก่อนจะทำอะไรต้องมีการสื่อสารกับลูกค้าให้ชัดเจนก่อน และวางแผนการสื่อสารการตลาด ไทม์ไลน์ และการโปรโมท ฯลฯ ให้รอบคอบรัดกุม บทเรียนจากการปุบปับเปลี่ยนแพคเกจจิ้งสู่รุ่นที่ 2 ทำให้สินค้าถูกตีกลับแทบจะทั้งล็อต เพราะลูกค้าคิดว่าเป็นสินค้าลอกเลียนแบบ และคิดว่ามีการเปลี่ยนสูตร
กว่าเราจะสร้างความเชื่อมั่นและความไว้ใจให้ยอดการสั่งซื้อกลับมาก็ใช้เวลาอยู่พักใหญ่ ทำให้การเปลี่ยนแพคเกจจิ้งสู่รุ่นที่ 3 นี้ เราทำการบ้านมาดีขึ้น”
3.รุ่นปัจจุบัน (รุ่นที่3) เปิดตัวในเดือน ตุลาคม 2566 กับสโลแกน #แพ็คใหม่สูตรเดิม จากโจทย์
ที่จะพาสมุนไพรวังพรมสู่ตลาดอินเตอร์ และ กำจัด pain point เรื่องสินค้าลอกเลียนแบบในตลาด รวมถึงต้องการสร้าง on shelf awareness แบบตะโกนเมื่อวางขายในร้านสะดวกซื้อและสนามบิน ทีมสมุนไพรวังพรมได้ออกแบบการสื่อสารผ่านแพคเกจจิ้งที่จะทำให้คนจดจำได้ง่าย ใช้ช่องทางสื่อสารบน Social Media ทั้งทาง Tiktok, Youtube, Facebook และ Instagram เพื่อสร้างความคุ้นเคยให้ผู้บริโภคไม่หยิบผิด
ยาหม่องสมุนไพรวังพรม แพคเกจจิ้งใหม่ #แพ็คใหม่สูตรเดิม มีทั้งสิ้น 8 สูตร ได้แก่ 1.ฉลากสีเขียว
ยาหม่องผสมเสลดพังพอน สูตร 2 (สูตรเย็น) บรรเทาอาการแมลงกัดต่อย 2.ฉลากสีเหลือง ยาหม่องผสมไพล สูตร 2 (สูตรเย็น) บรรเทาอาการปวดเมื่อย 3.ฉลากสีม่วง ยาหม่องตะไคร้หอม (สูตรเย็น) บรรเทาอาการคันเนื่องจากแมลงกัดต่อย 4.ฉลากสีชมพู ยาหม่องสูตรพิมเสน (สูตรเย็น) บรรเทาอาการหวัด คัดจมูก วิงเวียนศีรษะ 5.ยาหม่องสีฟ้า (สูตรเย็น) บรรเทาอาการหวัด คัดจมูก วิงเวียนศีรษะ 6.ฉลากสีส้ม ยาหม่องเถาเอ็นอ่อน (สูตรเย็น) บรรเทาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ 7.ยาหม่องสีขาว (สูตรร้อน) บรรเทาอาการ
ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ 8.ฉลากสีเหลือง ยาหม่องสมุนไพร (สูตรร้อน) บรรเทาอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ
วางจำหน่ายแล้วที่ร้านสะดวกซื้อทั่วประเทศ หรือสั่งซื้อบนช่องทางออนไลน์ได้ทางเว็บไซต์ https://wangpromherb.com/ , Tiktok : https://www.tiktok.com/@wangpromherb/ และ Line Add, Shopee, Lazada ของบริษัทฯ