การรักษารากฟัน เตรียมตัวอย่างไร
รักษารากฟัน เป็นการหยุดยั้งการติดเชื้อในโพรงประสาทฟัน รวมทั้งทำความสะอาดโพรงฟันและคลองรากฟันให้ปราศจากเชื้อโรค และอุดคลองรากฟันด้วยวัสดุอุดคลองรากฟัน ทำให้ฟันสามารถใช้งานได้ตามปกติ ดังนั้นหลังจากรักษาคลองรากฟันแล้วควรพิจารณาทำเดือยและครอบฟัน เพื่อคงความแข็งแรงให้กับฟันที่รักษารากแล้ว
ลักษณะของฟันที่ต้องรักษารากฟัน
1. ฟันผุที่ลึกมากจนทะลุโพรงประสาทฟัน
2. ฟันที่มีการเปลี่ยนแปลงสีไปจากเดิมที่เกิดจากฟันตาย
3. ฟันที่ได้รับอุบัติเหตุ เช่น ฟันหัก ฟันหลุดออกจากเบ้าฟัน (กรณีผลสำเร็จในการรักษาต่ำ ทันตแพทย์อาจแนะนำให้ถอนฟัน)
4. กรณีแก้ไขแนวฟันที่ทำร่วมกับการครอบฟัน
ข้อดีของ รักษารากฟัน
1. สามารถเก็บฟันไว้ใช้งานได้อย่างน้อย 5 – 10 ปี โดยไม่ต้องถอนฟัน
2. อาการปวด หรือบวมจากการรักษาน้อยกว่าการถอนฟัน
3. สามารถรักษารูปร่างสันเหงือกไว้ได้
ปัจจัยเสี่ยงของ รักษารากฟัน
1. อาจมีโอกาสแพ้ยาชา
2. หลังรักษาผู้ป่วยอาจมีอาการเจ็บปวดบ้าง ให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของทันตแพทย์
3. อาจพบอาการติดเชื้อหลังรักษาได้ (ถ้าติดเชื้อรุนแรงอาจต้องถอนฟันออก)
4. กรณีรักษาฟันที่อยู่บริเวณฟันกรามน้อยบน หรือฟันกรามบน อาจพบทะลุโพรงอากาศแม็กซิลลาได้
5. อาจพบอาการชาริมฝีปากล่างได้ ในกรณีการรักษาอยู่ใกล้เส้นประสาท โดยจะสังเกตได้หลังจากรักษาไป 4 – 5 ชั่วโมง อาการดังกล่าวจะค่อยๆ ดีขึ้นใน 3 – 6 เดือน
6. ในบางกรณีอาจมีโอกาสที่น้ำยาเคมีที่ใช้รักษาคลองรากอาจไหลลงสู่ปลายราก ทำลายเนื้อเยื่อข้างเคียง อาจเกิดอาการบวมได้ หรือผู้ป่วยอาจแพ้สารเคมีดังกล่าว ซึ่งโอกาศพบได้น้อยมาก
คำแนะนำภายหลังการรักษาคลองรากฟัน
1. ควรรับประทานอาหารอ่อนๆ ในระยะ 1 – 2 วันหลังการรักษา
2. ควรรับประทานยาให้ครบตามที่ทันตแพทย์แนะนำ
3. ควรดูแลรักษาสุขภาพช่องปากให้สะอาดอยู่เสมอ
4. ผู้ป่วยควรติดตามผลการรักษาเป็นระยะทุก 6 เดือน (ถ้าผลการรักษาล้มเหลว กรณีนี้ควรถอนฟันซี่นั้นออกแล้วใส่เครื่องมือกันฟันล้มแทน)
5. ฟันที่รักษารากฟันเสร็จแล้วจะเปราะแตกง่าย ไม่ควรใช้บดเคี้ยวอาหารที่แข็งและเหนียว ถึงแม้จะใส่เดือยและทำครอบฟันแล้วก็ตาม
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ คลิก!! ศูนย์ทันตกรรม ได้ที่ ชั้น 3 โซน A
BKK Healthcare เว็บไซต์สุขภาพยอดนิยม
ขอบคุณรูปภาพจาก Modern Smile Dental , ฟันยิ้ม ราม2