โรคที่อยู่ในสระว่ายน้ำ รู้ไว้ก่อนกระโดดลงน้ำเพื่อความปลอดภัย
การว่ายน้ำเป็นหนึ่งในกิจกรรมยอดนิยมที่ดีต่อสุขภาพ ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ นอกจากช่วยพัฒนากล้ามเนื้อและระบบหายใจแล้ว ยังเป็นวิธีคลายร้อนและสานสัมพันธ์ในครอบครัวได้อย่างดี อย่างไรก็ตาม ภายใต้สายน้ำที่ดูใสสะอาดในสระว่ายน้ำ อาจแฝงไว้ด้วยภัยเงียบที่หลายคนมองข้าม นั่นคือ “โรคที่อยู่ในสระว่ายน้ำ” บางชนิดติดต่อได้ง่ายโดยที่เราไม่รู้ตัว
บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักโรคที่มักพบในสระว่ายน้ำ อธิบายสาเหตุ อาการ วิธีป้องกัน และข้อควรระวัง เพื่อให้คุณและครอบครัวสามารถว่ายน้ำได้อย่างปลอดภัยไร้กังวล
สารบัญ
โรคที่อยู่ในสระว่ายน้ำคืออะไร
“โรคที่อยู่ในสระว่ายน้ำ” คือ กลุ่มของโรคที่เกิดจากเชื้อโรคต่าง ๆ เช่น เชื้อไวรัส แบคทีเรีย เชื้อรา หรือปรสิต ซึ่งปะปนอยู่ในน้ำของสระว่ายน้ำที่ไม่ได้รับการดูแลหรือฆ่าเชื้ออย่างเพียงพอ เชื้อโรคเหล่านี้สามารถเข้าสู่ร่างกายได้ผ่าน:
-
ปาก
-
จมูก
-
ดวงตา
-
บาดแผลที่ผิวหนัง
-
การสำลักน้ำ
แม้จะมีการใช้คลอรีนในสระว่ายน้ำเพื่อฆ่าเชื้อโรค แต่บางครั้งการดูแลไม่เหมาะสมหรือมีผู้ป่วยลงสระ ก็อาจทำให้เกิดการปนเปื้อนได้
รวม 7 โรคที่พบบ่อยในสระว่ายน้ำ
1. โรคตาแดง
สาเหตุ: เชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียที่อยู่ในน้ำ เช่น Adenovirus หรือ Pseudomonas
อาการ: ตาแดง คันตา แสบตา น้ำตาไหล มองไม่ชัด
วิธีป้องกัน: หลีกเลี่ยงการลืมตาใต้น้ำ และอย่าใช้มือขยี้ตา
2. โรคผิวหนังจากเชื้อรา
สาเหตุ: เชื้อรา Trichophyton และ Candida ที่เติบโตได้ดีในสภาพแวดล้อมชื้น
อาการ: ผื่นแดง คัน เป็นวงกลม ผิวลอก
วิธีป้องกัน: อาบน้ำทันทีหลังว่ายน้ำ และเช็ดตัวให้แห้ง
3. โรคผิวหนังจากแบคทีเรีย
สาเหตุ: Pseudomonas aeruginosa พบในสระที่คลอรีนไม่เพียงพอ
อาการ: ผื่นแดง เป็นตุ่มน้ำใส หรือหนอง
วิธีป้องกัน: ไม่ว่ายน้ำหากมีแผลเปิด และเลือกสระที่ได้มาตรฐาน
4. โรคท้องเสียจากเชื้อคริปโตสปอริเดียม
สาเหตุ: เชื้อปรสิต Cryptosporidium ที่มีความทนต่อคลอรีนสูง
อาการ: ถ่ายเหลว ปวดท้อง คลื่นไส้
วิธีป้องกัน: อย่าเผลอกลืนน้ำในสระ และไม่ว่ายน้ำเมื่อท้องเสีย
5. โรคท้องเสียจากเชื้อจิอาร์เดีย
สาเหตุ: ปรสิต Giardia lamblia ที่พบในอุจจาระของคนติดเชื้อ
อาการ: ถ่ายเหลว ท้องอืด คลื่นไส้
วิธีป้องกัน: เด็กเล็กควรใส่ผ้าอ้อมกันน้ำ และผู้ป่วยไม่ควรลงสระ
6. โรคติดเชื้อในหูชั้นนอก (Swimmer’s Ear)
สาเหตุ: น้ำสระที่ตกค้างในหู ทำให้เกิดการเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย
อาการ: ปวดหู คันหู หูอื้อ
วิธีป้องกัน: เช็ดหูให้แห้งหลังว่ายน้ำ หรือใช้ที่อุดหู
7. โรคทางเดินปัสสาวะจากเชื้อแบคทีเรีย
สาเหตุ: การติดเชื้อจากเชื้อ E. coli หรือ Pseudomonas ในเด็กที่กลั้นปัสสาวะไม่ทัน
อาการ: ปัสสาวะแสบขัด มีไข้ ปวดท้องน้อย
วิธีป้องกัน: ให้เด็กปัสสาวะให้เรียบร้อยก่อนลงสระ และเปลี่ยนชุดทันทีหลังว่ายน้ำ
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ติดโรคจากสระว่ายน้ำ
-
สระที่มีคนใช้จำนวนมาก
-
คลอรีนหรือระบบฆ่าเชื้อไม่เพียงพอ
-
ผู้ใช้สระมีแผลเปิดหรือท้องเสีย
-
เด็กเล็กที่ยังควบคุมการขับถ่ายไม่ได้
-
ขาดการดูแลสุขอนามัยส่วนบุคคล
แนวทางป้องกันโรคจากสระว่ายน้ำ
-
เลือกสระที่มีการดูแลคุณภาพน้ำอย่างเข้มงวด
ควรมีการตรวจวัดระดับคลอรีนและค่า pH อย่างสม่ำเสมอ -
อาบน้ำก่อนและหลังลงสระ
เพื่อลดเชื้อโรคที่ติดมากับผิวหนัง -
สวมแว่นว่ายน้ำ และที่อุดหู
เพื่อป้องกันตาแดงและการติดเชื้อในหู -
ไม่กลืนน้ำในสระ
แม้จะดูสะอาด แต่เชื้อโรคบางชนิดมองไม่เห็น -
ไม่ควรว่ายน้ำหากป่วยหรือมีแผลเปิด
คำแนะนำเพิ่มเติมสำหรับผู้ปกครองและเจ้าของกิจการสระว่ายน้ำ
-
ผู้ปกครองควรเลือกโรงเรียนสอนว่ายน้ำหรือสระที่ได้รับการรับรองด้านสุขอนามัย
-
เจ้าของกิจการควรใส่ใจระบบกรองน้ำ การบำบัดน้ำ และมีมาตรการป้องกันโรคชัดเจน
-
มีระบบให้ความรู้กับผู้ใช้บริการ เช่น ป้ายเตือน / คลิปสั้นเรื่องสุขอนามัย
บทสรุป
แม้ “โรคที่อยู่ในสระว่ายน้ำ” จะฟังดูน่ากังวล แต่หากเรารู้เท่าทันและป้องกันได้อย่างถูกต้อง การว่ายน้ำก็ยังคงเป็นกิจกรรมที่ดีต่อสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจอย่างแท้จริง
อย่าปล่อยให้ความประมาททำลายช่วงเวลาแห่งความสนุกในน้ำของคุณและครอบครัว
เลือกสระที่ได้มาตรฐาน รักษาความสะอาดส่วนตัว และติดตามสัญญาณผิดปกติของร่างกายอยู่เสมอ