โรคที่อยู่ในสระว่ายน้ำ รู้ไว้ก่อนกระโดดลงน้ำเพื่อความปลอดภัย

0
2
โรคที่อยู่ในสระว่ายน้ำ.jpg

โรคที่อยู่ในสระว่ายน้ำ รู้ไว้ก่อนกระโดดลงน้ำเพื่อความปลอดภัย

การว่ายน้ำเป็นหนึ่งในกิจกรรมยอดนิยมที่ดีต่อสุขภาพ ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ นอกจากช่วยพัฒนากล้ามเนื้อและระบบหายใจแล้ว ยังเป็นวิธีคลายร้อนและสานสัมพันธ์ในครอบครัวได้อย่างดี อย่างไรก็ตาม ภายใต้สายน้ำที่ดูใสสะอาดในสระว่ายน้ำ อาจแฝงไว้ด้วยภัยเงียบที่หลายคนมองข้าม นั่นคือ “โรคที่อยู่ในสระว่ายน้ำ” บางชนิดติดต่อได้ง่ายโดยที่เราไม่รู้ตัว

บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักโรคที่มักพบในสระว่ายน้ำ อธิบายสาเหตุ อาการ วิธีป้องกัน และข้อควรระวัง เพื่อให้คุณและครอบครัวสามารถว่ายน้ำได้อย่างปลอดภัยไร้กังวล

สารบัญ

โรคที่อยู่ในสระว่ายน้ำคืออะไร

“โรคที่อยู่ในสระว่ายน้ำ” คือ กลุ่มของโรคที่เกิดจากเชื้อโรคต่าง ๆ เช่น เชื้อไวรัส แบคทีเรีย เชื้อรา หรือปรสิต ซึ่งปะปนอยู่ในน้ำของสระว่ายน้ำที่ไม่ได้รับการดูแลหรือฆ่าเชื้ออย่างเพียงพอ เชื้อโรคเหล่านี้สามารถเข้าสู่ร่างกายได้ผ่าน:

  • ปาก

  • จมูก

  • ดวงตา

  • บาดแผลที่ผิวหนัง

  • การสำลักน้ำ

แม้จะมีการใช้คลอรีนในสระว่ายน้ำเพื่อฆ่าเชื้อโรค แต่บางครั้งการดูแลไม่เหมาะสมหรือมีผู้ป่วยลงสระ ก็อาจทำให้เกิดการปนเปื้อนได้

รวม 7 โรคที่พบบ่อยในสระว่ายน้ำ

1. โรคตาแดง

สาเหตุ: เชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียที่อยู่ในน้ำ เช่น Adenovirus หรือ Pseudomonas
อาการ: ตาแดง คันตา แสบตา น้ำตาไหล มองไม่ชัด
วิธีป้องกัน: หลีกเลี่ยงการลืมตาใต้น้ำ และอย่าใช้มือขยี้ตา

2. โรคผิวหนังจากเชื้อรา

สาเหตุ: เชื้อรา Trichophyton และ Candida ที่เติบโตได้ดีในสภาพแวดล้อมชื้น
อาการ: ผื่นแดง คัน เป็นวงกลม ผิวลอก
วิธีป้องกัน: อาบน้ำทันทีหลังว่ายน้ำ และเช็ดตัวให้แห้ง

3. โรคผิวหนังจากแบคทีเรีย

สาเหตุ: Pseudomonas aeruginosa พบในสระที่คลอรีนไม่เพียงพอ
อาการ: ผื่นแดง เป็นตุ่มน้ำใส หรือหนอง
วิธีป้องกัน: ไม่ว่ายน้ำหากมีแผลเปิด และเลือกสระที่ได้มาตรฐาน

4. โรคท้องเสียจากเชื้อคริปโตสปอริเดียม

สาเหตุ: เชื้อปรสิต Cryptosporidium ที่มีความทนต่อคลอรีนสูง
อาการ: ถ่ายเหลว ปวดท้อง คลื่นไส้
วิธีป้องกัน: อย่าเผลอกลืนน้ำในสระ และไม่ว่ายน้ำเมื่อท้องเสีย

5. โรคท้องเสียจากเชื้อจิอาร์เดีย

สาเหตุ: ปรสิต Giardia lamblia ที่พบในอุจจาระของคนติดเชื้อ
อาการ: ถ่ายเหลว ท้องอืด คลื่นไส้
วิธีป้องกัน: เด็กเล็กควรใส่ผ้าอ้อมกันน้ำ และผู้ป่วยไม่ควรลงสระ

6. โรคติดเชื้อในหูชั้นนอก (Swimmer’s Ear)

สาเหตุ: น้ำสระที่ตกค้างในหู ทำให้เกิดการเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย
อาการ: ปวดหู คันหู หูอื้อ
วิธีป้องกัน: เช็ดหูให้แห้งหลังว่ายน้ำ หรือใช้ที่อุดหู

7. โรคทางเดินปัสสาวะจากเชื้อแบคทีเรีย

สาเหตุ: การติดเชื้อจากเชื้อ E. coli หรือ Pseudomonas ในเด็กที่กลั้นปัสสาวะไม่ทัน
อาการ: ปัสสาวะแสบขัด มีไข้ ปวดท้องน้อย
วิธีป้องกัน: ให้เด็กปัสสาวะให้เรียบร้อยก่อนลงสระ และเปลี่ยนชุดทันทีหลังว่ายน้ำ

ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้ติดโรคจากสระว่ายน้ำ

  • สระที่มีคนใช้จำนวนมาก

  • คลอรีนหรือระบบฆ่าเชื้อไม่เพียงพอ

  • ผู้ใช้สระมีแผลเปิดหรือท้องเสีย

  • เด็กเล็กที่ยังควบคุมการขับถ่ายไม่ได้

  • ขาดการดูแลสุขอนามัยส่วนบุคคล

แนวทางป้องกันโรคจากสระว่ายน้ำ

  1. เลือกสระที่มีการดูแลคุณภาพน้ำอย่างเข้มงวด
    ควรมีการตรวจวัดระดับคลอรีนและค่า pH อย่างสม่ำเสมอ

  2. อาบน้ำก่อนและหลังลงสระ
    เพื่อลดเชื้อโรคที่ติดมากับผิวหนัง

  3. สวมแว่นว่ายน้ำ และที่อุดหู
    เพื่อป้องกันตาแดงและการติดเชื้อในหู

  4. ไม่กลืนน้ำในสระ
    แม้จะดูสะอาด แต่เชื้อโรคบางชนิดมองไม่เห็น

  5. ไม่ควรว่ายน้ำหากป่วยหรือมีแผลเปิด

คำแนะนำเพิ่มเติมสำหรับผู้ปกครองและเจ้าของกิจการสระว่ายน้ำ

  • ผู้ปกครองควรเลือกโรงเรียนสอนว่ายน้ำหรือสระที่ได้รับการรับรองด้านสุขอนามัย

  • เจ้าของกิจการควรใส่ใจระบบกรองน้ำ การบำบัดน้ำ และมีมาตรการป้องกันโรคชัดเจน

  • มีระบบให้ความรู้กับผู้ใช้บริการ เช่น ป้ายเตือน / คลิปสั้นเรื่องสุขอนามัย

บทสรุป

แม้ “โรคที่อยู่ในสระว่ายน้ำ” จะฟังดูน่ากังวล แต่หากเรารู้เท่าทันและป้องกันได้อย่างถูกต้อง การว่ายน้ำก็ยังคงเป็นกิจกรรมที่ดีต่อสุขภาพทั้งร่างกายและจิตใจอย่างแท้จริง

อย่าปล่อยให้ความประมาททำลายช่วงเวลาแห่งความสนุกในน้ำของคุณและครอบครัว
เลือกสระที่ได้มาตรฐาน รักษาความสะอาดส่วนตัว และติดตามสัญญาณผิดปกติของร่างกายอยู่เสมอ