‘เอสเพอรานซ์’ ศูนย์การรักษามะเร็งเชิงบูรณาการ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ เผยทางเลือกใหม่ในการรักษาเนื้องอกในเต้านมชนิดปกติ โดยไม่ต้องผ่าตัด แผลเล็ก ปลอดภัยสูง
ปฏิเสธไม่ได้ว่าผู้หญิงส่วนใหญ่เคยตรวจเต้านมด้วยตัวเอง ซึ่งก็มีบางรายอาจพบความผิดปกติแล้วเกิดความวิตกกังวลว่าจะเป็นเนื้อร้าย บางรายก็รู้สึกอาย จึงไม่ยอมไปพบแพทย์ โดยจากข้อมูลสถิติพบว่า ก้อนเนื้อในเต้านมของผู้หญิงที่มีอายุไม่มากนัก ส่วนใหญ่จะเป็นเนื้องอกในเต้านมชนิดปกติ (fibroadenoma) และเป็นชนิดที่พบบ่อยมากที่สุด ซึ่งจะแตกต่างจากซีสต์เต้านม (fibrocystic change) และมะเร็งเต้านม (breast cancer) อย่างไรก็ตาม ผู้ที่มีก้อนเนื้องอกในเต้านมชนิดปกติ ควรมาให้แพทย์ติดตามการเปลี่ยนแปลงของก้อนเนื้อเป็นระยะๆ แต่หากมีความกังวลว่าเนื้องอกจะมีโอกาสพัฒนาเป็นเนื้อร้าย ในปัจจุบันมีเทคโนโลยีใหม่ โดยการใช้ความเย็นจัดสลายเนื้องอกในเต้านม ซึ่งได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (FDA)
ล่าสุด คลินิกเฉพาะทางด้านเวชกรรมมะเร็ง ‘เอสเพอรานซ์’ ซึ่งเป็นศูนย์การรักษามะเร็งเชิงบูรณาการและเป็นส่วนหนึ่งของโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ที่เน้นการใช้นวัตกรรมในการป้องกันก่อนเกิดโรค รวมถึงมีแนวทางการรักษามะเร็งแบบเฉพาะบุคคลด้วยวิธีแบบผสมผสาน ได้นำเทคโนโลยีการบำบัดด้วยความเย็น (หรือ Cryoablation) เข้ามาใช้ในการรักษาด้วยการสลายก้อนเนื้องอกในเต้านมชนิดปกติด้วยความเย็นติดลบ ด้วยอุณหภูมิต่ำกว่าจุดเยือกแข็งหรือต่ำกว่าลบ 170 องศาเซลเซียส ซึ่งเป็นอุณหภูมิที่ทำให้เซลล์เนื้องอกตาย โดยการใช้เข็มที่บรรจุไนโตรเจนเหลวแทรกผ่านผิวหนังเข้าไปในก้อนเนื้อที่ต้องการกำจัดได้อย่างแม่นยำ โดยระหว่างการทำหัตถการ แพทย์จะใช้อัลตร้าซาวด์เพื่อช่วยระบุตำแหน่งให้เห็นเนื้องอกและก้อนน้ำแข็งที่ก่อตัวครอบคลุมก้อนเนื้องอกได้อย่างชัดเจน หัตถการนี้จะทำให้เกิดแผลที่ผิวหนังขนาดเล็กเพียง 3 มิลลิเมตร ซึ่งเป็นทางเลือกใหม่สำหรับผู้ที่ไม่ต้องการผ่าตัด และมีความปลอดภัยสูง
ผศ. พญ. ศศิธร สุจริตธนะการ แพทย์ผู้ชำนาญการด้านศัลยศาสตร์มะเร็งเต้านม คลินิกเฉพาะทางด้านเวชกรรมมะเร็งเอสเพอรานซ์ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ กล่าวแนะนำผู้หญิงที่มีอายุตั้งแต่ 18 ปีขึ้นไป ว่าควรตรวจเช็คเต้านมด้วยตนเองอย่างสม่ำเสมอ โดยลักษณะของก้อนเนื้องอกที่เต้านมชนิดปกติ คือก้อนเนื้องอกชนิดธรรมดาที่เกิดจากเซลล์ของท่อน้ำนม ส่วนใหญ่จะมีลักษณะเป็นเพียงก้อนเดียว ซึ่งน้อยรายที่จะมีเกินหนึ่งก้อน แต่ก็จะมีจำนวนก้อนไม่มากนัก โดยจะมีรูปทรงกลมเรียบแต่มีขอบเขต ไม่แข็ง โดยก้อนเนื้อจะค่อยๆ โตขึ้นเพียงเล็กน้อย พบได้ตั้งแต่ก้อนเล็กกว่า 1 เซนติเมตร จนถึงขนาดใหญ่กว่า 5 เซนติเมตร ซึ่งควรจะต้องผ่าตัดเอาออกตั้งแต่มีขนาดไม่ใหญ่มาก สำหรับในกรณีที่ตรวจพบความผิดปกติในรูปแบบอื่นๆ ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจประเมิน วินิจฉัยโรค และวางแผนการรักษาได้อย่างทันท่วงที
ข้อดีของการรักษาด้วยนวัตกรรมการบำบัดด้วยความเย็น เหมาะสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการผ่าตัด จึงไม่จำเป็นต้องวางยาสลบ แต่จะใช้วิธีการฉีดยาชาเฉพาะที่ ซึ่งจะมีรอยแผลเล็กเพียงประมาณ 3 มิลลิเมตรเท่านั้น ผู้ป่วยจึงมีอาการเจ็บน้อยมาก ฟื้นตัวได้เร็ว และสามารถกลับบ้านได้ในวันที่ทำการรักษา ที่สำคัญ วิธีนี้สามารถรักษารูปทรงของเต้านมได้ดีกว่าการผ่าตัด เนื่องจากไม่มีการทำลายของเนื้อเยื่อเต้านมปกติ ทำให้ลดความกังวลของผู้หญิงลง โดยโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ มีศัลยแพทย์ผู้ชำนาญการด้านศัลยกรรมเต้านมเป็นผู้ทำหัตถการ และทำงานเป็นทีมร่วมกับสหสาขาวิชาชีพอื่นๆ ด้วยมาตรฐานคุณภาพในระดับสากล และเน้นความปลอดภัยของผู้ป่วยเป็นสำคัญ
นวัตกรรมการบำบัดด้วยความเย็น เหมาะกับผู้ป่วยในกลุ่มต่างๆ ประกอบด้วย
· ผู้ที่มีอายุมากกว่า 18 ปีและได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นเนื้องอกในเต้านม (Fibroadenoma) ด้วยการเจาะชิ้นเนื้อ (core needle biopsy) แล้ว
· ก้อนเนื้องอกในเต้านมที่มีอาการ เช่น คลำพบก้อน หรือมีอาการเจ็บที่ก้อน
· มีก้อนเนื้องอกในเต้านมที่มีขนาดตั้งแต่ 2 เซนติเมตร แต่ไม่เกิน 4 เซนติเมตร และสามารถมองเห็นได้ด้วยการตรวจอัลตร้าซาวด์
· ผู้ที่มีก้อนเนื้องอกขนาดโตขึ้น 20% ในระยะเวลา 6 เดือนที่ตรวจติดตามผล
· ผู้ที่มีผลตรวจคัดกรองมะเร็งเต้านมด้วยเครื่องเอกซเรย์แมมโมแกรมและอัลตร้าซาวด์ ซึ่งก้อนเนื้องอกมีโอกาสพัฒนาเป็นมะเร็งได้ 2-10%
· ผู้ที่มีก้อนเนื้องอกหลายๆ ก้อน ที่ไม่ต้องการผ่าตัดหลายครั้งและมีรอยแผลเป็นหลายจุด
· ไม่มีประวัติเป็นมะเร็งเต้านมมาก่อน
· ไม่ได้อยู่ในระหว่างการตั้งครรภ์
· ก้อนเนื้องอกไม่ได้อยู่ใกล้ผิวหนัง
· ไม่มีอาการเจ็บป่วยร้ายแรง
ผศ. พญ. ศศิธร สุจริตธนะการ กล่าวเพิ่มเติมว่า “เซลล์เนื้องอกจะถูกทำลายไปจนหมดสิ้นระหว่างการจี้เย็นแล้ว จากนั้นร่างกายจะค่อยๆ สร้างเซลล์ใหม่ที่ปกติขึ้นมาแทนที่ ในช่วงแรกผู้ป่วยอาจยังรู้สึกว่ามีก้อนเนื้ออยู่ แต่ก้อนเนื้อจะมีขนาดเล็กลงจนกระทั่งร่างกายกำจัดไปหมด ซึ่งสามารถติดตามได้จากการตรวจอัลตร้าซาวด์ โดยระยะเวลาในการหายไปของก้อนเนื้อจะแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล ขึ้นอยู่กับขนาดของก้อนเนื้อและปัจจัยอื่นๆ ทั้งนี้ ผลจากการทำอัลตร้าซาวด์ใน 3 ระยะ พบว่า 1. หลังการทำ 6 เดือน ผู้ป่วยบางรายก้อนเนื้อหายไปหมด ในขณะที่บางรายก้อนเนื้อมีขนาดเล็กลง 2. หลังการทำ 1 ปี ก้อนเนื้อจะมีขนาดเล็กลงและมีขอบที่ไม่ชัดเจน ผู้ป่วยส่วนหนึ่งพบว่าก้อนเนื้อได้สลายไปแล้ว และ 3. หลังการทำ 2 ปี ผู้ป่วยทุกรายพบว่าก้อนเนื้อหายไปหมดแล้ว”